วีเนียร์แบบคอมโพสิต vs เซรามิก ข้อดี-ข้อเสีย
วีเนียร์ คือ การใช้ที่เคลือบฟันเทียมมาแปะบนผิวฟันเพื่อใช้ปกปิดความบกพร่องต่างๆ เช่น ฟันสีไม่สม่ำเสมอ แตก ห่าง บิ่น สึก เป็นต้น โดยปัจจุบันการรักษานี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มดารา หรือ คนดัง เพราะเป็นการเพิ่มความสวยงามให้กับฟัน ทำให้เวลายิ้มดูสง่ามีออร่า ซึ่งวีเนียร์จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ตามวัสดุที่ใช้ ได้แก่ วีเนียร์คอมโพสิตและเซรามิก
ข้อแตกต่างหลักๆ ของวีเนียร์ทั้ง 2 ชนิด คือ แบบคอมโพสิตนั้นจะมีความแวววาวและความแข็งแรงน้อยกว่าแบบเซรามิก ดังนั้นจะมีราคาที่ถูกกว่าและอายุการใช้งานที่น้อยกว่า โดยในบทความนี้ เราจะมาดูข้อดี ข้อเสีย ของทังคู่และแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง
ชนิดคอมโพสิต
ทำมาจากเรซินคอมโพสิต ซึ่งเป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ในการอุดฟัน มีความแข็งแรง ทนทานประมาณหนึ่ง สามารถใช้ได้ประมาณ 5-10 ปี โดยจะสามารถแยกลงไปได้อีก2 ชนิด ได้แก่ Layering composite (เป็นเทคนิคที่นิยมในบราซิล) และ แบบฉีด
ข้อดี
- มีราคาที่ถูกกว่าแบบเซรามิก
- ใช้เวลาในการทำน้อยกว่า โดยสามารถทำเสร็จได้ภายในการพบทันตแพทย์เพียงครั้งเดียว
- มีการกรอเนื้อฟันออกที่น้อยกว่าแบบเซรามิก
- หากตัววีเนียร์หักหรือได้รับความเสียหาย สามารถซ่อมแซมได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
- สามารถปรับแต่งให้เข้ากับรูปและพื้นผิวฟันได้ง่ายกว่าและหลากหลาย
ข้อเสีย
- มีความแข็งแรงที่น้อยกว่าแบบเซรามิก ทำให้อาจเปราะ แตกหักได้ง่าย ดังนั้นต้องดูแลเป็นพิเศษ พยายามเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แข็งหรือเหนียว
- เป็นคราบบนผิวได้ง่าย เข่น คราบชา กาแฟ
- มีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า
- มีความขาวและวาวน้อยกว่า
เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความสวยงามให้กับรอยยิ้มและฟันแต่มีงบประมาณที่จำกัด
- ผู้ที่ไม่ต้องการให้มีการกรอผิวฟันออกที่เยอะ
- ผู้ที่กำลังมองหาการเพิ่มความงามให้กับรอยยิ้มแบบเรียบไง่าย ไม่มีขั้นตอนการรักษาที่เยอะ
- ผู้ที่มีระเบียบวินัยในการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเคร่งครัด เพื่อยืดอายุการใช้งานวีเนียร์ให้ได้นานที่สุด
- ผู้ที่ไม่ค่อยดื่มเครื่องดื่มที่เป็นคราบได้ง่าย เช่น ชา กาแฟ เป็นต้น
ชนิดเซรามิก
ทำมาจากวัสดุเคลือบพอร์ซเลน มีความแข็งแรง ทนทาน ขาวแวววาว และเข้ากับเนื้อฟันได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น สามารถใช้ได้ประมาณ 10-15 ปี
ข้อดี
- มีความขาว สวยงาม เข้ากับฟันได้ดี ดูเป็นธรรมชาติ
- มีความคงทนต่อคราบต่างๆ บนผิววีเนียร์ได้เป็นอย่างดี
- สามารถคงความสวยงามไว้ได้ตลอดอายุการใช้งาน
- วัสดุมีความแข็งแรง ทนทาน
- สามารถใช้แก้ปัญหาฟันที่หลากหลายกว่า เช่น เหมาะสำหรับนำไปใช้ปิดช่องห่างของฟัน
ข้อเสีย
- มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
- ต้องมีการกรอเนื้อฟันที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้ไม่สามารถย้อนคืนความเสียหายของตัวฟันได้
- คนไข้บางรายอาจมีอาการเสียวฟันเป็นบางครั้ง เนื่องมาจากกากรอผิวฟันที่ค่อนข้างเยอะ
- มีกระบวนการการรักษาที่ค่อนข้างซับซ้อน จึงต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
- โดยส่วนใหญ่ ต้องมาพบแพทย์มากกว่า 1 ครั้ง ในการรักษา
เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการทำวีเนียร์ให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด และต้องการความสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาฟันที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ปิดฟันฟ่าง
- ผู้ที่มีเนื้อผิวฟันมากพอ รวมไปถึงสุขภาพปากที่ดี
- ผู้ที่มีระเบียบวินัยในการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเคร่งครัด เพื่อยืดอายุการใช้งานวีเนียร์ให้ได้นานที่สุด
- ผู้ที่มีความพร้อมเรื่องค่าใช้จ่าย
สรุปควรเลือกแบบไหน
จากที่อธิบายมา จะเห็นได้ว่า วีเนียร์ทั้ง 2 แบบ มีข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมที่ต่างกัน ซึ่งสุดท้ายแล้ว คนไข้ก็ต้องสำรวจตนเอง แล้วดูว่า จุดประสงค์หลักคืออะไร และมีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ รวมไปถึงควรคำนึงถึงผลลัพธ์ระยะยาวที่อาจตามมา เช่น การเสียผิวฟันไป หรือ ผลข้างเคียงอื่นๆ ดังนั้นแล้ว เพื่อให้ได้คำตอบที่ดีที่สุด เราขอแนะนำให้ทำการตัดสินใจร่วมกับแพทย์
โดยหากท่านกำลังมองหาคลินิกทันตกรรมคุณภาพแล้วละก็ ท่านสามารถามารถติดต่อมาหาเราได้ ทางรวมทันตแพทย์คลินิกมีประสบการณ์ด้านทันตกรรมมามากกว่า 15 ปี มีคุณหมอเฉพาะด้านที่พร้อมให้คำปรึกษาฟรี พร้อมไขข้อสงสัยทุกข้อ และยังมาพร้อมโปรโมชั่นให้เลือกมากมาย (ดูตัวอย่างเคสวีเนียร์ของเรา) ติดต่อเราวันนี้ โทร: 095-713-0027, 02-428-5814 หรือ LINE ID: @ruamdental