จัดฟันเหล็ก vs จัดฟันใส แบบไหนเหมาะกับคุณ

จัดฟันคือการรักษาทางทันตกรรมที่แก้ไขการเรียงตัวและการสบฟันที่ไม่เป็นระเบียบและผิดปกติ เช่น ฟันเก ฟันห่าง ฟันไม่สบกัน รวมถึงเพิ่มความสวยงามเวลายิ้มอีกด้วย โดยการจัดฟันนั้นมีทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ แบบโลหะ หรือ เหล็ก แบบดามอน แบบเซรามิก และ แบบใส ซึ่งที่นิยมกันมากคือ แบบเหล็ก และ แบบใส

หากสรุปง่ายๆ การจัดฟันเหล็กนั้นเหมาสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด ต้องการแก้ไขฟันเรียงตัวผิดปกติที่ซับซ้อน หรือต้องการปรับแต่งการรักษาบ่อยๆ ส่วนการจัดฟันใสเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงาม รู้สึกสบายปาก ต้องการถอดทำความสะอาดเครื่องมือได้ง่าย และไม่ต้องการไปพบทันตแพทย์บ่อยๆ

ในบทความนี้ เราจะมาดูข้อดี ข้อเสีย ของการจัดฟันทั้ง 2 แบบกัน

จัดฟันเหล็ก

ข้อดี

  • ราคาถูกกว่า: ราคาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 39,000 – 50,000 บาท ขึ้นอยูกับความซับซ้อนของแต่ละเคส
  • สามารถรักษาได้ในหลายกรณี: การจัดฟันแบบเหล็กสามารถแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อนในการเรียงตัวของฟันได้ในหลายกรณี ทำให้มีความยืดหยุ่นมากกว่า
  • ปรับแต่งการรักษาได้ง่าย: สามารถปรับแต่งการรักษาได้หลากหลายให้เหมาะกับแต่ละเคส รวมถึงมีตัวเลือกแบร็คเก็ตจัดฟันให้เลือกหลากหลายแบบ
  • ใช้เวลาจัดฟันที่น้อยกว่า: การจัดฟันแบบโลหะจะมีระยะเวลาการรักษาที่น้อยกว่าแบบใส เพราะตัวฟันจะเข้ารูปได้เร็วกว่าจากแรงดึงของเหล็กและเครื่องมืออื่นๆ

ข้อเสีย

  • ไม่ค่อยมีความสวยงาม: จัดฟันเหล็กต้องมีการติดลวดและเครื่องมือจัดฟันอื่นๆ ทำให้อาจดูไม่สวยงามและเป็นธรรมชาติ
  • ทำความสะอาดได้ยาก: การแปรงฟัน การขัดไหม หรือ การดูแลรักษาฟันต่างๆ อาจจะทำได้ยากกว่าการจัดฟันแบบใส ซึ่งทำให้เสี่ยงเกิดคราบหินปูนได้ง่าย
  • ต้องดูแลการกินเป็นพิเศษ: คนไข้ต้องดูแลการกินอาหารเป็นพิเศษ โดยเลี่ยงการกินอาหารและเครื่องดื่มที่อาจทำให้แบร็คเก็ตจัดฟันหรือเครื่องมืออื่นๆ เสียหาย เช่น อาหารที่ความเหนียว แข็ง หรือ เป็นกรด
  • ต้องพบทันตแพทย์เป็นปรจำ: คนไข้ต้องหมั่นพบทันตแพทย์เป็นประจำ โดยส่วนใหญ่จะทุกๆ 1-2 เดือน เพื่อทำการปรับเครื่องมือ เช็คการเคลื่อนตัวฟัน และ สุขภาพฟันโดยรวม

จัดฟันใส

ข้อดี

  • ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ: การจัดฟันใส Invisalign จะมีความใส โปร่งแสง ทำให้มองเห็นตัวฟัน ดูมีความเป็นธรรมชาติและสวยงามกว่าแบบโลหะ
  • สามารถถอดออกได้: ถึงแม้คนไข้ต้องใส่ตัว Invisalign ประมาณ 20-22 ชั่วโมง ต่อวัน ก็ยังสามารถถอดออกได้ในระหว่างการกินอาหารหรือเพื่อทำความสะอาดฟัน เช่น แปรงฟัน หรือ ขัดฟัน
  • ส่วมใสได้สบายกว่า: การจัดฟันใสไม่ต้องมีการใส่เครื่องมือต่างๆ มากมาย ทำให้สะดวกสบายเวลาสวมใส่ รวมถึงตัว Invisalign จะถูกพิมขึ้นมาเฉพาะคนไข้แต่ละคน ทำให้เข้ารูปพอดีกับฟันและช่องปาก ทำให้ช่วยลดการบาดเจ็บในช่องปากได้ เช่น เครื่องมือจัดฟันบาดเหงือก เป็นต้น
  • ไม่ต้องมาพบแพทย์บ่อย: คนไข้ไม่จำเป็นต้องมาพบทันตแพทย์บ่อยเท่าการจัดฟันเหล็ก ทำให้เหมาะกับคนไข้ที่อยู่ไกลจากตัวคลินิกและเดินทางมาไม่สะดวก

ข้อเสีย

  • มีราคาที่ค่อนข้างสูง: ราคาค่ารักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 59,000 – 170,000 บาท ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัญหาฟันที่ต้องการรักษา
  • คนไข้ต้องมีวินัยสูง: คนไข้ต้องมีความรับผิดชอบและวินัยในตนเอง เพราะต้องใส่เครื่องมือตลอดเวลา อย่างน้อย 22 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามแผนการรักษา
  • ต้องดูแลการกินเป็นพิเศษ: คนไข้ต้องดูแลการกินอาหารเป็นพิเศษ โดยเลี่ยงการกินอาหารและเครื่องดื่มที่อาจทำให้แบร็คเก็ตจัดฟันหรือเครื่องมืออื่นๆ เสียหาย เช่น อาหารที่ความเหนียว แข็ง หรือ เป็นกรด
  • ไม่สามารถใช้รักษาปัญหาฟันที่มีความซับซ้อนมากได้

สรุปควรเลือกแบบไหน

สุดท้ายแล้ว การเลือกว่าจะจัดฟันแบบเหล็กหรือแบบใส ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวคนไข้เองและคำแนะนำจากทันตแพทย์ เพราะปัญหาฟันบางอย่าง ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการจัดฟันใส Invisalign ซึ่งเราแนะนำให้คนไข้เข้ามาพบแพทย์เพื่อเช็คอาการ ปรึกษา และสรุปแนวทางการรักษาที่ดีที่สุด โดยหากท่านกำลังมองหาคลินิกที่น่าเชื่อถืออยู่ รวมทันตแพทย์คือตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะทางเราให้บริการจัดฟันโดยคุณหมอเฉพาะทาง ทั้งแบบเหล็ก แบบใส และแบบอื่นๆ ที่มีประสบการณ์ด้านการจัดฟันมามากกว่า 15 ปี มีคุณหมอเข้าทุกวัน พร้อมโปรโมชั่นให้เลือกมากมาย เรายินดีให้คำปรึกษาฟรี ติดต่อเราวันนี้ โทร: 095-713-0027, 02-428-5814 หรือ LINE ID: @ruamdental

Similar Posts